ก๊วนปาร์ตี้ [ BOOK Party Gang ]

27 มีนาคม 2551

เป็นวันที่ค่อนข้างเบาสบาย แม้ว่าจะมีงานประชุมที่คูขุดเรื่องทิศทางการท่องเที่ยว ปล่อยให้น้องๆได้ลงพื้นที่แทน ตัวเองนั่งสรุปรายงานที่คั่งค้างอยู่

ทบทวนการประชุมเมื่อวันที่ 16 มีนาคมและวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา...เราตัดสินใจจัดเวทีสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองหาดใหญ่...อาศัยช่วงจังหวะเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ 6 เมษายน ที่ใกล้เข้ามา หมอสุภัทรเสนอว่าน่าจะจัดเวทีประชาคมเมืองหาดใหญ่ ระดมข้อเสนอในการพัฒนา เสนอต่อผู้สมัคร

อันที่จริงก็เริ่มคุ้นกับเรื่องนโยบายสาธารณะ ซึ่งไม่จำเป็นที่มีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่จะนำเสนอ ประชาชนอย่างเราๆท่านๆก็สามารถผลักดันร่วมกันได้ สองสามปีมานี้ สงขลาก้าวไปข้างหน้าในหลายๆเรื่อง การเมืองท้องถิ่นในช่วงเลือกตั้งนี้ก็เช่นกัน หากเรารวมตัวกันได้ จัดเวทีแล้วเชิญผู้สมัครมารับฟังข้อเสนอของภาคประชาชนบ้าง การเมืองจะได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปในทางที่ดี

เลือกตั้งหาดใหญ่คราวนี้มีผู้สมัคร 4 คน ต่างก็เสนอนโยบายออกมาแข่งขันกันซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี การเมืองอย่างน้อยก็เปลี่ยนรูปแบบการหาเสียง ที่เน้นกันในเรื่องนโยบายมากขึ้น แม้ว่าหลายๆนโยบายจะออกมาใกล้เคียงกันก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าแข่งขันในเรื่องซื้อเสียง หรือว่าอาศัยหัวคะแนนของใครของมัน

หาดใหญ่ในช่วงนี้อยู่ระหว่าง "ขาลง" สุดๆ โรงแรมก็ไม่มีคนพัก การท่องเที่ยวซบเซา เสน่ห์หาดใหญ่กำลังจะเลือนหาย จำเป็นต้องมีจุดขายใหม่ๆเข้ามาแทนที่ เมืองหลวงภาคใต้กำลังจะกลายเป็นอดีต

อ่านข้อเสนอของภาคประชาชนที่เราร่วมกันระดมความเห็นออกมาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม แบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆ ได้แก่

1.ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว       1.1 ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนเชิงอนุรักษ์ เช่น คลองอู่ตะเภา เขาคอหงส์       1.2 ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมกลุ่มอาชีพ เพิ่มวิธีคิดสหกรณ์       1.3 ควรมีพื้นที่กลาง “จตุรัสเมือง”  เช่น บริเวณบึงศรีภูวนาท หอนาฬิกา สวนยางหน้ามอ. สวนสาธารณะ พื้นที่ริมคลอง เพื่อใช้ป้องกันงาน event  แล้วปิดถนน       1.4 ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางประเพณีวัฒนธรรม เช่น ทำปฏิทินเทศกาลประเพณี วัฒนธรรม

2.ส่งเสริมความปลอดภัย การขนส่ง 2.1 จัดระบบการขนส่งที่ชัดเจน  มีช่องจักรยาน รถเมล์รอบเมือง ระบบขนส่งที่ได้มาตรฐาน ราคายุติธรรม ช่องทางคนพิการ 2.2 การบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งตรัด 2.3 วิศวกรรมจราจร ที่แก้ปัญหาจุดเสี่ยง 2.4 เทศบาลประสานกับตำรวจ เรื่องการให้เจ้าหน้าที่เก็บเงินที่จอดรถช่วยชี้แจงกฎจราจรในเมืองหาดใหญ่ 2.5 ศูนย์กลางอาสาสมัคร เช่น อาสาสมัครโรงพยาบาล อาสาสมัครความปลอดภัย
2.6 การสร้างระบบรักษาความปลอดภัยของหาดใหญ่

3.บริการพื้นที่สาธารณะ 3.1 การศึกษา
- ห้องสมุดขนาดเล็กกระจายรอบเมือง  พิพิธภัณฑ์เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กีฬา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ค่ายเยาวชน - ส่งเสริมศักยภาพคนพิการ - เทศบาลทำหน้าที่ประสานงานส่งเสริมหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง       3.2 สุขภาพ - พื้นที่สันทนาการ - ค่ายธรรมชาติบำบัด - สวนสาธารณะ       3.3 สิ่งแวดล้อม - สวนหย่อม - พัฒนาถนนริมคลองเตย - ค่ายสิ่งแวดล้อม - การควบคุมมลพิษ ทั้งทางอากาศ ทางเสียง ทางน้ำ     3.4 วัฒนธรรมท้องถิ่น     3.5 ผู้ด้อยโอกาส - ห้องน้ำคนพิการ - สิ่งอำนวยความสะดวก - ส่งเสริมกีฬาของคนพิการ   อื่นๆ
- การใช้ประโยชน์ของโรงเรียนเทศบาลเต็มศักยภาพ

4.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ - สภาประชาชนหาดใหญ่ - สภาเด็กและเยาวชน - การใช้ประชาพิจารณ์ในการพัฒนาเมือง - การเชื่อมโยงการพัฒนาระหว่างนครหาดใหญ่ และอปท.

เสียงส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นหลัก รองลงมาก็เรื่องปัญหาจราจร ที่ว่ากันว่ามาเลย์ สิงคโปร์อยากมาเที่ยวหาดใหญ่ เพราะว่าที่นี่เป็นเมืองเสรีภาพ ต่างจากความเข้มงวด เอาจริงเอาจังในทางกฏหมายของประเทศตน...กลายเป็นจุดขายหลัก และเป็นดาบสองคม ทำให้นิสัยคนหาดใหญ่ในเรื่องระเบียบวินัยหายไปด้วย

เมืองอื่นๆไม่รู้ว่าเป็นเหมือนเมืองหาดใหญ่หรือเปล่า?

ผมจัดส่งเอกสารไปให้กับผู้สมัครทั้ง 4 ประสานงานเวทีวันที่ 23 มีนาคม ลุ้นให้มาทั้ง 4 แต่ก็มีคนบอกว่าผู้สมัครบางคนไม่น่าจะมา เพราะว่านำเสนอไม่เก่ง เกรงว่าจะเสียเปรียบ

แล้วก็จริง ทีแรกทั้ง 4 คนก็รับปาก ยกเว้น 1 คน บอกว่าไม่สามารถมาร่วมได้ แต่ก็ส่งตัวแทน ขณะที่อีก 1 คน โทรมาบอกผมช่วงก่อนงานจะเริ่มเพียง 1 ชั่วโมง บอกว่าเมื่อคืนหาเสียงหนัก ทำให้ไม่สบาย ไม่มีเสียง

สุดท้ายมีผู้สมัครนายกเทศบาลนครหาดใหญ่มาร่วมจริงๆ 2 ท่าน ส่งตัวแทนมาร่วม 1 ท่าน และไม่มา 1 ท่าน

ได้เห็นลีลานักการเมืองของผู้สมัคร นึกในใจว่าการเป็นนักการเมืองได้อาจต้องเป็นคนพิเศษชนิดหนึ่ง ไม่ได้ว่าเป็นกันง่ายๆ มีทักษะบางอย่างที่ไม่อาจสั่งสมกันได้ เป็นสิ่งที่ติดตัวมา ยิ่งโฉมหน้าการเมืองที่ต้องการคนเด่น ดัง ดี ยิ่งต้องนำเสนอเก่ง มีลีลา มีน้ำเสียง ที่สามารถตรึงใจคนฟังได้ ทั้งที่เนื้อหาที่นำเสนอไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่ด้วยลีลาการนำเสนอก็พอกลบเกลื่อนทำให้เรื่องพื้นๆกลายเป็นจุดเด่นไปได้

การเมืองท้องถิ่นคราวนี้มีคนรู้จักหลายคนลงไปคลุกฝุ่นด้วย ได้เห็นทิศทางของชีวิตแต่ละคนก้าวเดินไป ของใครของมัน ไม่มีใครหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่เว้นประชาชนคนธรรมดา ชีวิตเปลี่ยแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครหยุดทุกอย่างอยู่กับที่ได้ ตรงนี้แหละที่ทำให้เส้นทางชีวิตที่ดูเหมือนคนละเส้นทางกลับมาบรรจบกันได้ในบางครั้ง

พฤกษ์เข้ามาคุยด้วย เราเป็นเพื่อนเรียน ญว.มาด้วยกัน เช่นเดียวกับฟูอาด ทั้งคู่ก้าวลงสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ส่วนผมขอเพียงทำการเมืองภาคพลเมืองก็พอแล้ว ไม่เคยคิดที่จะเป็นนักการเมือง

ได้คุยกันนิดหน่อย ดีใจเหมือนกันที่เขาเข้าใจในสิ่งที่พวกเรากำลังทำ อย่างน้อยเราก็ต่างหวังดีต่อบ้านเมือง แม้จะอยู่กันคนละสถานภาพ ต่างก็มีข้อจำกัดที่จะต้องต่อสู้ฟันฝ่า

พบคุณสมบูรณ์ คราวนี้มาอยู่ในทีมของหมอเกรียงศักดิ์ ผมได้แต่ให้กำลังใจ อยากให้คนที่ตั้งใจจริง ได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน ผมย้ายบ้านมาอยู่ในเขตควนลัง ไม่มีโอกาสได้เลือกในเขตหาดใหญ่

ช่วงนำเสนอวิสัยทัศน์เห็นประธานชุมชนที่ผมเคยอยู่มากับป้าๆและกรรมการชุมชน ยกโขยงมาเชียร์ทีมคุณไพร ตอนเลิกงาน แกเข้ามากระซิบว่าอยากให้เข้าไปช่วยงานของชุมชน ผมกับเขาเคยคุยกันว่าจะผลักดันท่าหาดใหญ่ให้เป็นที่ท่องเที่ยว ดูแนวโน้มแล้วก็น่าจะเป็นได้ไม่ยาก

มีเรื่องเดียวที่ติดค้างในใจ ทำอย่างไรให้เกิดการเมืองสมานฉันท์ขึ้นในชุมชน ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งครั้งใดก็ทะเลาะ แตกเป็นเสี่ยงๆ เดี๋ยวนี้จัดงานปีใหม่ งานวันเด็ก กลายเป็นว่า มี 2 งาน ระหว่างทีมเก่ากับทีมใหม่ ทำเช่นนี้ไม่เห็นว่าจะทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้นมาได้อย่างไร

นึกถึงตรงนี้แล้ว โลกความฝันกับโลกความจริงยังห่างกันอีกไกล อยากฝันถึงการเมืองสมานฉันท์ อยากเห็นความรัก ความสามัคคีของคนในชุมชน ยังคงต้องใช้เวลา

เป้าหมายของการจัดงานคราวนี้ เราเล็งไปที่สภาประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องใหม่อีกเรื่องที่อยากผลักดันให้เกิด ร่วมกันสร้างฐานการเมืองภาคพลเมือง

เป็นความฝันที่เฉียดใกล้ความจริง เพราะว่าเราจะทำมันให้เกิด โดยไม่รอนักการเมือง.