บทความ
บันทึก 100 วัน (4)
2 เมษายน 2551
28 มีนาคม 2551 ไปร่วมเปิดศูนย์เรียนรู้คุณธรรมเศรษฐกิจพอเพียง ของอ.ภาณุ พิทักษ์เผ่า ที่บ้านหาร บางกล่ำ ศูนย์อยู่ลึกกลางทุ่ง หลังคาสีส้มลอยเด่นแลตัดกับสีเขียวของท้องทุ่งชานเมือง
อ.ภาณู เป็นอีกคนที่เดินตามความฝันอย่างไม่ลดละ ความฝันอยากมีศูนย์อบรมกลายเป็นจริงแล้วในวันนี้
มีทหารและตำรวจใหญ่มาร่วมงานหลายคน แต่ที่มากันแน่นเต็มอาคารรวมก็เห็นจะเป็นเครือข่ายเกษตรวิถีธรรม-วิถีไทที่มีกระจายไปทั้งจังหวัด เป็นงานชุมนุมศิษย์เก่า(และใหม่)ของอ.ภาณุก็ว่าได้
หลายคนชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในชั่วเวลาก็จากการเข้าร่วมอบรม...ได้เรียนรู้ผ่านหลักสูตรดีๆ ที่ประกอบด้วยเงื่อนเวลา และการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ความคิดคนก็สามารถปรับเปลี่ยนยกระดับจากที่เสื่อมทรามให้หันมาฝักใฝ่ในทางที่ดีงามมากขึ้นได้
ที่เห็นได้ชัดคือ ความเป็นกัลยาณมิตร ที่ยากจะหาได้ในสังคมบริโภคนิยม งานนี้ใครมีของดีอะไรมาสาธิตก็พามา อย่างเช่น พลังงานทดแทนจากดวงอาทิตย์ แก๊สชีวภาพ การทำขนมจีนโบราณ การทำน้ำมันมะพร้าว...ร่วมด้วยช่วยกัน
29 มีนาคม 2551 รอรถส่งเฟอร์นิเจอร์มาส่ง เราสั่งตู้เสื้อผ้ากับตู้เก็บเอกสารมาใหม่ หลังจากที่ไม่ได้ใส่ใจกับบ้านมานาน ปล่อยให้รกเรื้อ ฝุ่นผงเริ่มเกาะ ห้องนอนก็ไม่ได้ทำความสะอาด เสื้อผ้าก็วางกองใส่ตะกร้า
มัวแต่ทำงานๆ ไม่ค่อยได้ใส่ใจตัวเอง มารู้ตัวอีกที สุขภาพก็แย่ สภาพแวดล้อมก็แย่ เช่นนี้เห็นท่าไม่ดีแน่
จัดบ้านใหม่แล้วเสร็จ บ้านช่องสะอาดเรียบร้อยขึ้นทันตา ค่อยดูเป็นบ้านขึ้นมาหน่อย
ปีนี้ตั้งใจที่จะบริหารเวลาให้สมดุลมากขึ้น ปีที่ผ่านมา ชีวิตเสียสมดุลไปไม่น้อย
ปีนี้ขอเริ่มใหม่
30 มีนาคม 2551 กลับบ้านที่พัทลุง ทำบุญไหว้ก๋ง ปีนี้นัดหมายไม่พร้อมกัน แต่ก็ดีตรงที่ได้พบเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนานอีกหลายคน บางคนก็มาไหว้ก๋งตรงที่เดียวกันด้วยซ้ำแต่ไม่เคยรู้เพราะว่ามาไหว้ไม่ตรงกัน มาถึงก็เลยต้องนับญาติกันใหม่ จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร สืบญาติสาวย่านกันไปให้พอรู้
มีบางคนก็ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย กะอีแค่กั้นรั้วกินแดนเข้ามา ต้องลากเจ้าหน้าที่มารังวัดตรวจหมุดหมายที่ปักไว้ ทำเอามองหน้ากันไม่ติด ทั้งที่ความจริงแล้ว แทบทั้งบางก็ล้วนเป็นพี่น้องกัน น้องก๋งบ้าง น้องทวดบ้าง สายเลือดเดียวกันทั้งนั้น
ที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ มีแต่คนเฒ่าเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ในหมู่บ้าน รุ่นลูก รุ่นหลาน ได้แต่ไปเอาดีต่างบ้านต่างเมือง จะได้กลับมาพบกันทีก็ตอนวันว่าง วันทำบุญนี่แหละ
ตอนหัวค่ำ รับศึกหนัก...เลือกตั้งประธานและกรรมการหมู่บ้านแทนชุดเก่าที่หมดวาระไป
ยังเป็นอีกเรื่องที่ขมวดปมอยู่ในอก คลีคลายไม่ได้ ที่นี่เป็นหมู่บ้านชานเมือง ประสบปัญหาเรื่องขาดน้ำมานาน แต่เรื่องใหญ่กว่านั้นคือการต่างคนต่างอยู่ ขาดความสามัคคี และความคิดที่แตกต่างในการพัฒนาหมู่บ้าน
ไม่มีโอกาสได้พูดจากัน ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างคิด เวลามีการประชุมก็ไม่มาร่วม แต่ทุกครั้งก็ดึงตัวไปซักถามด้วยความอยากรู้ทุกครั้งว่าคุยอะไรกัน มีมติว่าอย่างไร เจอแบบนี้บ่อยๆก็น่าเบื่อเหมือนกัน
แต่ก็ต้องอดทนและเข้าใจคนอื่นให้มาก มิฉะนั้นหมู่บ้านก็เดินไปข้างหน้าไม่ได้
นี่ดีว่ามีคนคิดเช่นนี้หลายคน ถ้าหากบ้าอยู่คนเดียวก็เห็นท่าว่าจะอยู่ไม่ได้
ไม่มั่นใจว่าจะมีสมาชิกออกมาร่วมประชุมสักกี่คน ตกเย็นฝนตกลงมาห่าใหญ่ แต่ครู่เดียวฟ้าก็โปร่ง
กว่าที่จะได้ประชุมก็เกือบทุ่มตรง ผมกลายเป็นคนนำการประชุม ผมเปิดประเด็นพยายามชี้ให้เห็นความสำคัญของการขาดความสามัคคี(หมู่บ้านยังแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม)การเลือกประธานหมู่บ้านควรที่จะหากรรมการหรือประธานที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะแก้ไขปัญหาหนักนี้ ถามนำไล่ไปทีละคน ให้แต่ละคนได้แสดงความเห็นและเสนอแนะการคัดเลือกประธานและการบริหารหมู่บ้าน
ในที่สุดก็ได้ประธานคนใหม่ คือจ่าเจษ มีรองประธานที่มาจากกลุ่มประธานคนเก่า(บางคนก็เคยเป็นประธานหมู่บ้านมาก่อน)
บรรยากาศที่ไม่ตึงเครียด ถ้อยทีถ้อยอาศัย และมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะเกิดขึ้นทำให้พออุ่นใจได้บ้างว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในหมู่บ้านอาจจะมีแนวโน้มคลี่คลายมากขึ้น
แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ คงต้องรอดูเหตุการณ์อีกสักระยะ
31 มีนาคม 2551
ได้รับหนังสือ "เดินไปให้สุดฝัน" ของพี่วินทร์ เลียววาริณ ส่งมาให้อย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่มีผลงานใหม่ เห็นแล้วได้แต่อิจฉาและชื่นชมอยู่ในใจ
นอนอ่านรวดเดียวจบ นิ่งอึ้งไปนาน...ปล่อยความรู้สึกไปตามตัวอักษร พาใจล่องลอยไปตามจินตภาพ-โลกของคนๆหนึ่ง ที่แวดล้อมไปด้วยความจริงและความฝัน วรรณกรรม ภาพยนต์ การออกแบบ งานโฆษณา...ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเดินเคียงข้างความฝันและเดินไปให้สุดฝันนั้น
คนเราจะมีสักกี่คนที่กล้าเดินตามความฝันและกล้าเดินไปให้สุดฝัน