บทความ
บันทึก 100 วัน (7)
16 เมษายน 2551
ต้อนรับสงกรานต์ด้วยโรคคางทูม เกิดมาเพิ่งรู้จัก...มาเป็นเอาก็ตอนโตเป็นผู้ใหญ่นี่แหละ วันหยุดติดต่อกันหลายวันแทนที่จะได้พักผ่อนให้หนำใจ กลายเป็นว่าต้องมาทรมานกับอาการปวดกราม แถมทำท่ามีไข้หน่อยๆ กรามสองข้างบวมตุ่ย ดูเผินๆไม่มีใครรู้ นึกว่าอ้วน คางหนาเป็นชั้นๆ ที่ไหนได้...
ปีนี้ชีวิตเสียศูนย์จริงๆ ป่วยแล้วป่วยอีก
ฟื้นไข้รอบนี้ตั้งใจว่าจะฟิตร่างกายใหม่ ที่สำคัญฟิตจิตใจที่เสียสมดุลเสียด้วย ตั้งใจไว้เช่นนั้น
ก่อนสงกรานต์วันเดียว ออกไปกินสุกี้กับหมี 2 ครัว พ่อแม่ลูก ตะรอนหาร้านอาหารอิสาน ที่ไหนได้ ไปที่ไหนก็หยุดหมด สุดท้ายไปแวะที่โรบินสัน
ขากลับออกมาเห็นขบวนแห่สงกรานต์ มีทีท่าว่าครึกครื้นจนทนไม่ได้ เราจอดรถลงไปดู ขบวนแห่ปีนี้ลงทุนเป็นพิเศษ เทศบาลปิดถนน มีกิจกรรมหลากหลายต้อนรับผู้มาเยือน นัยว่าหาดใหญ่ปีนี้คึกคัก ยอดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นทะลักเข้ามามากมายเป็นประวัติการณ์ น่าดีใจแทนบรรดาโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่พากันเฉาแห้งเหี่ยวอยู่นาน
ต้องขอบคุณหลายฝ่ายที่มีส่วนช่วยกัน ส่วนหนึ่งก็มีผลมาจากการจัด event แต่ละครั้งก็เรียกลูกค้าได้มาก(แม้จะมีคนด่าอยู่บ้าง ตามประสาจัดงานลักษณะนี้ก็มีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์)ที่สำคัญเรียกความมั่นใจจากต่างชาติคืนมาว่าหาดใหญ่ปลอดภัยแล้วนะ เว้นวรรคจากระเบิดไม่นานหาดใหญ่ก็ฟื้นได้...ศักยภาพที่นี่ว่ากันว่าภาครัฐไม่จำเป็นต้องช่วย ขอเพียงอย่าซ้ำเติมด้วยเงื่อนไขที่ไม่พึงประสงค์ก็แล้วกัน
เดินถ่ายภาพสาวๆ รวมทั้งสาวจริงและสาวปลอมที่วาดลวดลายดีดดิ้นบนขบวนพาเลซ ไทยมุงยืนดูกันเต็มไปหมด
14 เมษายน 2551
นอนพักอยู่กับบ้าน อาการปวดและบวมตรงกรามเพิ่งเห็นชัด ดูหน้าตัวเองในกระจกเล่นเอาตกใจ
ใครกันวะ
15 เมษายน 2551
นัดหมายเพื่อนๆกันไว้ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว แต่ละคนก็มีลูกมีเมียกันหมดแล้ว อยากให้ลูกๆได้มีโอกาสได้พบกันบ้าง เจี๊ยบ กอและ ก็มีลูก 2 ชายหนึ่งหญิงหนึ่งชื่อเพลง และโฟล์ค(ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกนักดนตรี)กิ๊ป ชาญณรงค์ มีลูกสาว ชื่อผิง ไม่ได้พามาด้วย หมี-ภาณุมาศก็ลูก 2 ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเหมือนผม พี่รัตนชัย ไม่มีลูกตัวเล็กแต่กำลังจะได้หลาน จรรยา แวะมาแจกการ์ดแต่งงาน
ป๋องมาไม่ได้ แม่ยายแวะมาหาจากปัตตานี
แมนมาไม่ได้ ติดงาน
มนตรี มาไม่ได้ พาใครไม่รู้ไประโนด
หลายปีมานี้แต่ละคนก็ก้าวไปตามเส้นทางของตน กิ๊ปไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ทิ้งดนตรี มาถึงก็หิ้วไวโอลินมาด้วย เขาบอกว่ากำลังจะหาไวโอลินขนาดเล็กให้ลูกสาว
เจี๊ยบไปเป็นครูกศน. แต่ก็ไม่ทิ้งดนตรีเช่นกัน วันว่างก็ไปจัดรายการวิทยุชุมชนแถมเล่นกีตาร์สดๆร่วมกับดีเจลูกแมวที่เกาะบก
เจี๊ยบพาเด็กๆมาด้วย ก้อยบอกว่าเจี๊ยบอยากได้ลูกอีก "แต่พ่อมันไม่ยอมมาช่วยเลี้ยง บอกให้ดูลูก ได้แค่ 5 นาทีก็เก่งแล้ว"
ผมหันไปถามกิ๊ปว่าเลี้ยงลูกเองบ้างไหม กิ๊ปบอกว่า 3 นาที
ผมมาถึงก็นอนเปล ไม่อยากทำอะไร มันเปลี้ยไปหมด นอนฟังเจี๊ยบกับกิ๊ปรำลึกความหลังเมื่อครั้ง "ยังสด" (ตามคำของพี่รัตนชัย) เจี๊ยบเล่าถึงวีรกรรมการแสดงเปิดหมวกของกิ๊ปที่ถือได้ว่าเป็นคนแรกๆของสงขลาที่ทำเช่นนั้นได้
ช่วงชีวิตอันหอมหวานในวัยหนุ่มผ่านเข้ามาทีละฉาก เคล้าเสียงไวโอลินสดๆของกิ๊ปที่ออดอ้อนหวานบาดใจ บางจังหวะก็ทอดอารมณ์เศร้า บางครั้งก็กระชากกระชั้นเรียกความคึกคัก สมทบด้วยเสียงกีตาร์ของเจี๊ยบ ร่วมรำลึกความหลังกันครู่ใหญ่
บรรยากาศผ่อนคลาย สายลมพัดอาบไล้ร่างกาย บางจังหวะก็กระชากหมู่ไม้ไหวเอน กอไผ่ริมคลองทอดกอสู่แสงยามบ่าย ริมคลองใหญ่มีบามขนาดใหญ่นอนรอปลาที่ชะตาถึงฆาต
คล้ายสำนึกบางอย่างบ่งบอก สะท้อนบางสิ่งที่ขาดหายไปนาน หายไปจนชีวิตเสียสมดุล ได้คิดและเห็นชัดก็วันนี้...ความละเอียดอ่อนในหัวใจ ความรู้สึกอันสุขเกษม ความรื่นรมย์ของชีวิต อารมณ์ละเอียดลึกซึ้งทะลักล้นอยู่ในอก กระฉอกออกมาตามจังหวะเสียงดนตรี เสียงเพลง ทำไมหนอ ทำไมจึงปล่อยให้มันจางหายไปได้
ปล่อยให้สมองซีกขวาทำงานมากเกินไป รอยหยักของมันเพิ่มพูนพร้อมกับรอยตีนกาบนใบหน้าและความเคร่งเครียดจริงจัง คิดมากเกินไป รู้สึกน้อยเกินไป
ต่อมความรู้สึกภายในประท้วง ได้แต่นอนพริ้มพัก
แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้.