บทความ

วรรณกรรมท้องถิ่น

by 2 @November,14 2006 20.43 ( IP : 58...100 ) | Tags : บทความ

วรรณกรรมท้องถิ่น

พิเชฐ แสงทอง

ในประวัติศาสตร์การเมืองเรื่องวรรณกรรมกับการที่วรรณกรรมเรื่อง "ไกรทอง" หรือแม้กระทั่ง "ขุนช้างขุนแผน" ซึ่งเดิมเป็นนิทานพื้นบ้านภาคกลาง แต่ต่อมาถูกนำไปปรุงแต่งให้งดงามทางวรรณศิลป์

ด้วยการบรรจุลงไปในกรอบฉันทลักษณ์อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมวรรณศิลป์ของชนชั้นสูง กระทั่งถูกยกย่องให้เป็น "วรรณคดี" (โดยเฉพาะเรื่อง "ขุนช้างขุนแผน" ถึงกับถูกยกให้เป็นยอดวรรณคดีประเภทกลอนสุภาพ) ขณะที่วรรณกรรม/วรรณคดีของวัฒนธรรมชั้นสูงหลายต่อหลายเรื่องก็ถ่ายทอด/แพร่กระจายไปสู่ชาวบ้าน ถูกเล่า ถูกสวด ถูกขับด้วยภาษาและฉันทลักษณ์หลวมๆ แบบท้องถิ่น จนกลายเป็น(วรรณกรรมท้องถิ่น) ฉบับภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคเหนือ (และปรุงแต่งกันไปเป็นฉบับเล็กฉบับน้อยอีกมากตามลักษณะเฉพาะของแต่ละชุมชน) วรรณกรรมเหล่านี้กลับหมดโอกาสขึ้นสู่ทำเนียบวรรณคดี

ปรากฏการณ์วรรณคดีของวัฒนธรรมชนชั้นสูงที่มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมท้องถิ่นได้พอ ๆ กันกับที่วรรณกรรมท้องถิ่นเองก็มีอิทธิพลต่อวรรณคดีของวัฒนธรรมชนชั้นสูง แสดงให้เห็นว่า การแพร่กระจายของวรรณกรรมนั้นสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาด (ผู้เสพ) ให้แก่วรรณกรรมในสองวัฒนธรรมได้แทบจะเท่า ๆ กัน

ถ้าหากเราหยุดการรับรู้ไว้เพียงย่อหน้าข้างต้นได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ในเมื่อเราได้รับรู้ด้วยว่า ในตำราเรียนของเราแต่ไหนแต่ไรมา (ตั้งแต่จินดามณีฉบับอยุธยาที่มีบางบทของลิลิตพระลอก็ว่าได้) มีแต่เพียงวรรณกรรมของวัฒนธรรมชนชั้นสูงซึ่งถูกยกย่องให้เป็น "วรรณคดี" แล้วเท่านั้นที่ถูกนำมาเสนอเข้ามาเป็นตัวแทนองค์ความรู้ คุณค่า และบรรทัดฐานของวรรณกรรมไทยโดยรวม

ก่อนจะถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่วรรณกรรมไทยหันหน้าไปหารูปแบบตะวันตกเมื่อรัชกาลที่๕ เป็นต้นมา เราอาจพูดได้ว่า บรรทัดฐานของวรรณกรรมไทยนั้น คือ บรรทัดฐานของวรรณกรรมชนชั้นสูงซึ่งถูกยกย่องให้เป็นวรรณคดีแล้วเท่านั้น บรรทัดฐานเหล่านี้อาจเห็นได้จากเกณฑ์วินิจฉัยหนังสือ "แต่งดี" ของ "วรรณคดีสโมสร" ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ต้องเป็นเรื่อง (เนื้อหา) ที่ควรอ่าน ไม่ชักจูงผู้อ่านไปในทางไร้แก่นสารและวุ่นวายทางการเมือง อีกทั้งรูปการประพันธ์ ตลอดจนภาษาก็ต้องเป็นภาษาไทยที่ดี ถูกต้องตามโบราณ

บรรทัดฐานนี้แม้กระทั่ง "วรรณคดีสโมสร" ยุติบทบาทลงไปแล้วในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ แต่เมื่อ "สมาคมวรรณคดี" ซึ่งทรงก่อตั้งโดยกรมพระยาดำรงเดชานุภาพเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๔๗๔ ก็ยังคงถือเป็นบรรทัดฐานสำคัญในวาระการประชุมเพื่อวินิจฉัย "หนังสือกลอนลิลิต" พระวรเวทย์พิสิฐ กรรมการสมาคมยังได้เสนออีกว่า คำประพันธ์ที่ดีที่สุดมีลักษณะ ๕ ประการ คือ ๑) แต่งถูกต้องตามข้อบังคับของคำประพันธ์ชนิดนั้น ๆ โดยเคร่งครัด ๒) ความดี และเด่น ๓) สัมผัสดี ๔) ความไพเราะ ๕) ไม่แต่งอย่างที่ว่ากลอนพาไป

แค่เพียงลักษณะข้อที่ ๑ เราก็จะเห็นว่าวรรณกรรมท้องถิ่นซึ่งมีธรรมชาติอยู่ที่ความไม่นิยมฉันทลักษณ์ ซับซ้อน ตายตัว หรือเคร่งครัด ก็เสียโอกาสที่จะเป็นงาน "แต่งดี" ไม่อาจก้าวขึ้นทำเนียบเพื่อเป็น "วรรณคดี" เสียแล้ว

ในกรอบนิยามคำว่า "การเมือง" ซึ่งหมายถึงความพยามยามในการช่วงชิง/สถาปนาอำนาจนำโดยการสร้างวาทกรรมครอบงำวาทกรรมอื่น ๆ เราก็จะพบว่าวรรณกรรมไทยในห้วงเวลานั้นถูกกอดกุมความหมาย ตลอดจนบรรทัดฐานในการประเมินค่าโดยวัฒนธรรมของชนชั้นสูง วรรณกรรมท้องถิ่นกลายเป็นสิ่งนอกกระแส เป็นวรรณกรรมชายชอบ ศิลปะของงานเหล่านี้เป็นเพียงวรรณศิลป์นอกกกระแสที่ถูกเมิน

วาทกรรมครอบงำจากยุค "วรรณคดีสโมสร" ส่งผ่านถึง "สมาคมวรรณคดี" จนแม้เมื่อจอมพล

สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงต้นศตวรรษ ๒๕๐๐ มันก็ยังคงอิทธิพลครอบงำอยู่ไม่เสื่อมคลายในเอกสารซึ่งแผนกวัฒนธรรมทางวรรณกรรม กองวัฒนธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการรียบเรียงขึ้นเพื่อบรรยายออกอากาศทางสถานีวิทยุ (ต่อมารวมพิมพ์เป็นหนังสือชุดวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๐๒) ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีการกำหนดบรรทัดฐานประเมินค่าวรรณกรรมขึ้นมาใหม่ แผนกวัฒนธรรมทางวรรณกรรมเพียงแต่นำหนังสือ.ที่ได้มีการพิจารณายกย่องกันว่าเป็นวรรณคดี คือ หนังสือที่แต่งดีถึงขนาด.(หน้า ๑-๒) มาถ่ายทอดยกย่องต่อ แน่นอนว่าในกระแสธารประวัติศาสตร์ช่วงนี้ วรรณกรรมท้องถิ่นย่อมไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้เหมือนเดิม

"ที่ทาง" ของวรรณกรรมท้องถิ่นที่เป็นทางการมีขึ้นหลังจากนั้นมาอีก ๖ ปี คือใน พ.ศ. ๒๕๐๘ เมื่อวิทยาลัยครูได้บรรจุลงไปในหลักสูตรในฐานะของภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนวิชา "คติชนวิทยา และภาษาถิ่น" จนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ วรรณกรรมท้องถิ่นก็แยกออกมาเป็นกระบวนวิชาอย่างเอกเทศ หลังจากนั้นหลักสูตรศิลปศาสตร์ในมหาวิทยาลัยก็เริ่มหันมาให้ความสนใจเพิ่มขึ้น

แต่ทว่าในสังคมและวัฒนธรรมที่ "เมือง" มีอิทธิพลและสามารถสร้างวาทกรรมหลักขึ้นมาครอบงำได้อย่างง่ายดายอย่างสังคมและวัฒนธรรมไทย การมี "ที่ทาง" ของวรรณกรรมท้องถิ่นอย่างเป็นทางการ (บ้าง) เช่นนี้ก็หาได้เอื้อประโยชน์ให้วรรณกรรมท้องถิ่นกลับขึ้นมามีชีวิตชีวาได้เท่าใดนัก การศึกษาค้นคว้าวรรณกรรมท้องถิ่นในระยะนี้ยังเน้นลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนาม

และที่สำคัญมันถูกโยก (โดยธรรมชาติ และความเหมาะสม) ให้เป็นภาระของปัญญาชนท้องถิ่นและนักวิชาการท้องถิ่น ซึ่งไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสถาปนาวาทกรรมวรรณกรรมท้องถิ่นให้ขึ้นมาเป็น (แม้เพียง) วาทกรรมทางเลือกได้ ขณะนั้นนักวิชาการวรรณคดีก็ยังคงเอาจริงเอาจังอยู่กับภารกิจในการสืบสาน/สืบทอด/ตอกย้ำวาทกรรมครอบงำในอดีตให้ลงหลักปักฐานแน่นหนายิ่งขึ้น และกว้างขวางขึ้นด้วยเกณฑ์/บรรทัดฐานการประเมินค่าวรรณกรรมในฐานะกระจกส่องสะท้อนยุคสมัย ซึ่งเพิ่งเข้ามาใหม่พร้อมกับชนชั้นกระฎุมพี

หรือแม้กระทั่งในหมู่ผู้ศึกษาวรรณกรรมท้องถิ่นอันได้แก่ปัญญาชนท้องถิ่น นักวิชาการท้องถิ่นเอง ในระยะแรก ๆ กรอบการศึกษาที่ใช้ก็ดูเหมือนจะยกแบบ "กรอบ" ในการศึกษาวรรณคดีมา อย่างเช่นศึกษาด้านวรรณศิลป์ มีความพยายามถอด/วาดแผนผังฉันทลักษณ์ ศึกษากลวิธีสร้างภาพพจน์ สร้างโวหารกวี โดยเฉพาะในเพลงพื้นบ้านชนิดต่าง ๆ ซึ่งถ้าจะกล่าวไปแล้ว วิธีการเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ปัญญาชนและนักวิชาการท้องถิ่นเองก็ตกอยู่ภายใต้วาทกรรมครอบงำของวรรณคดีดุจเดียวกันกับที่

นักวรรณคดีส่วนกลางเป็น

และเมื่อข้ามเวลามาถึงปัจจุบันที่ถนนทุกสายไม่ได้มุ่งสู่กทม.อีกแล้ว แต่คำตอบอยู่ที่หมู่บ้านแทน วรรณกรรมท้องถิ่นก็ยังคงถูกกดทับ/กีดกันให้ออกจากวาทกรรม กระแสหลักอันเป็นวาทกรรมวรรณกรรมสัจนิยม ซึ่งเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับจำนวนที่อ้วนพีของชนชั้นกลางตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ จนถึงก่อนฟองสบู่แตกเมื่อราว ๑๐ ปีก่อน "ตลาด" ของวรรณกรรมกระแสหลักคือตลาดของชนชั้นกลาง และเมื่อปรากฏว่า ธรรมชาติ (หรือจริต? หรือมายาคติ?) ของชนชั้นนี้ คือ วิสัยทัศน์สู่เบื้องหน้าที่สูงขึ้นไปเท่านั้น ปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและรสนิยมของชนชั้นตนจึงผสมปนเปกันไประหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมชนชั้นสูง เราอาจเห็นรูปธรรมของการปฏิสัมพันธ์นี้ได้ง่าย ๆ จากบางปรากฏการณ์ เช่น "ฉันทลักษณ์" (เช่น โคลง, ฉันท์, กาพย์, กลอนแบบสุนทรภู่) อันเป็นมรดกจากชนชั้นสูงในกวีนิพนธ์ ขณะที่เนื้อหาเปลี่ยนแปลงไปจากแบบวรรณคดีสู่เนื้อหาเชิงปรัชญาความคิดแบบตะวันตก

ในสภาพเช่นนี้วรรณกรรมท้องถิ่นยังคงถูกสตัฟฟ์อยู่ในตำราเรียน ซึ่งยังความสามารถในการสร้างความเบื่อหน่ายให้แก่เยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเข้าสู่ปลายศตวรรษที่ ๒๐ ก็เกิดมีโครงการวิจัย "หนังสือดี ๑๐๐ เล่ม ที่คนไทยควรอ่าน" ซึ่งผู้วิจัยยังคาดหวังว่า หนังสือดี ๑๐๐ เล่มนี้ (ไม่มีวรรณกรรมท้องถิ่นอยู่เลย แต่มีวรรณคดี และวรรณกรรมสัจนิยม) จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษา ภาษา วรรณคดี สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาระดับต่าง ๆ .ซึ่งก็หมายความว่ายังมีความพยายามสถาปนาให้วรรณคดีและวรรณกรรมสัจนิยมซึ่งเป็นวาทกรรมครอบงำอยู่แล้ว (ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ) เป็นตัวแทนองค์ความรู้ คุณค่าต่าง ๆ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยไม่เปิดโอกาสให้มีวาทกรรมทางเลือกอื่นเลย

เมื่อถามว่าวรรณกรรมท้องถิ่นผิดตรงไหน วาทกรรมกระแสหลักตอบว่า

".เพราะคงจะยากเกินไปสำหรับผู้อ่านทั่วไปซึ่งไม่ได้มีความรู้ภาษาถิ่นใดถิ่นหนึ่ง ที่ต้องอาศัยการแปล การอธิบายความอยู่มาก แม้เราจะรู้สึกว่าการคัดเลือกเฉพาะหนังสือที่เขียนและผลิตขึ้นในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ ๆ อาจไม่เป็นธรรมและไม่ครอบคลุมอย่างกว้างขวางเพียงพอ." (สารานุกรมแนะนำหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน, หน้า ๒๑)

ผู้เขียนไม่พึงปรารถนาและไม่ได้เรียกร้องให้นักวิชาการนักวรรณกรรมหันมาสร้างสถาปนาวาทกรรมวรรณกรรมท้องถิ่นให้ขึ้นมามีอิทธิพลครอบงำวรรณกรรมอื่น ๆ เพราะเพียงแค่จะทำให้มันมีหน้ามีตาขึ้นมาบ้างก็ยังไม่เห็นหนทางว่าจะทำอย่างไร

ความมุ่งหมายของบทความชิ้นนี้เพียงต้องการชี้ให้เห็นอย่างคร่าว ๆ ว่า ตลอดมา  บนเส้นทางประวัติศาสตร์วรรณกรรมไทย วรรณกรรมท้องถิ่นถูกการเมืองเรื่องวรรณกรรมกดทับ/เบียดบังจนสิ้นรัศมีไปอย่างไรเท่านั้น!.

สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์. ๔๕ : ๒๓ (๗ - ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๒) , หน้า ๖๘ - ๖๙.

Comment #1
มิ้น
Posted @November,25 2006 15.42 ip : 202...192

ขุนช้างขุนแผน

Comment #2
เปปเปอร์
Posted @June,19 2007 14.49 ip : 124...182

ดี

Comment #3
เยี่ยว
Posted @July,20 2007 09.50 ip : 222...17

ดีนะ

Comment #4
คนไม่มีนาม
Posted @July,27 2009 14.47 ip : 118...110

ชอบมากค่ะเพราะเป็นของคนไทยของเราเองนะค่จะไม่ชอบของไทยและจะให้ไปชอบของใครของชาติเราดีทุกอย่างนะ +)  +)  +)  +)  :d  :d  :d :):):) #)  #)  #)  #)  +)  +)  ;)

Comment #5
รักเด็กขี้โม้
Posted @February,06 2010 12.12 ip : 125...29

อยากรู้จักวรรณกรรมพื้นบ้าน  4  ภาคจังเลย ;)  ;)

Comment #6
PK
Posted @March,02 2010 14.11 ip : 202...52

ไอห่าอ่านไม่รู้เรื่อง หรือเราโง่วะ

แสดงความคิดเห็น

« 1601
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ