สาวโรงงาน
เธอเข้างานเป็นกะ กระฉับกระเฉงพูดคุยเป็นกันเองและซื่อซื่อผลงานเธอผอง มือสองมือหยิบถือทุ่มทำและนำพามาก่อนมาตอกบัตรเหมือนนัดไว้เพลาคลาไคล มากมีค่าทำโอเว่อร์ไทม์-ล่วงเวลาส่งไป-รับมา พางานเดินอ่านนิยายเล่มห้าบาทแล้ววาดฝันถึงพ่อหนุมคนนั้นแล้วขวยเขินโอ้ละหนอ...พ่อมหาจำเริญกับลูกน้อยวัยเพลินร้อ
อนิจจา
อย่าไหว้ฉันเลย ยายเอ๋ยยายหากยายจะขายขายข้าวของยกมือวับรับไหว้ ใจหล่นกองกระเป๋าฉันมันพร่อง พร่องเหลือเกินฉันไหว้ล่ะยาย ฉันไม่ซื้อกำหมัดกำมือเหมือนจะเกริ่นใช่เป็นเรื่องเป็นราวร้าวหมางเมินแต่เจ็บปวดเหลือเกินประเทศเราลูกหลานเหลนหลายทั้งชายหญิงไยทอดทิ้งผู้แก่แลผู้เฒ่าจากแผ่นดินถิ่นฐานย่านลำเน
กาฝาก
หน้าหมู่บ้านเต๊นท์หลังใหญ่วางชิดบนลานซิเมนต์ติดเนินดิน สนามหญ้าอีกฟากหนึ่งว่างโล่ง แทงค์เก็บน้ำสูงทะมึนเป็นเงาตะคุ่มๆอยู่ในสายหมอกหม่นมัวยามเช้า ด้านขวามือถัดไปจากป้อมยาม มีเก้าอี้วางซ้อนเป็นชั้นๆ บริเวณลานปูนเกลื่อนกลาดอิเหลกเขลกขละไปด้วยซากใบไม้และลูกหูกวางเน่า โต๊ะกลมตั้งซ้อนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ส่วนบ้านของประธาน(อ้อ ผมควรใช้คำว่า ‘เอกชน’ จึงจะถูก) ที่อยู่ถัดไปยังปิดเงียบ แต่มีรถจอดอยู่ในบ้าน..
หมอกยังไม่เลือนจาง สองฟากทางราวกับไม้ใหญ่ในพงพนาที่ยืดตัวแผ่เงาปกคลุมไม้เล็ก มันช่างโตพรวดพราดเบ่งบานจนเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วแปลงโฉมเป็นป่าตึกพาณิชย์สีสันบาดตา ร้านอาหารริมควน ไม่เว้นแม้กระทั่งสาขาของพรรคการเมือง ฟากหนึ่งเริ่มถางป่าปรับที่เตรียมก่อสร้างศูนย์ราชการใหม่ อีกฟากหนึ่งดินตรงหัวควนเหี้ยนเตียนโล่งไปกว่าครึ่ง ป่าเขียวๆหดหายไปเกือบหมด เหลือแต่ป่าตึก นี่เป็นเค้าลางแห่งความเปลี่ยนแปลงเช่นไร?
เปิดซอง จู พเนจร
แน่นอน ผมต้องเปิด สักครู่
เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่เปิด หะแรก ผมคิดเล่นๆว่าถ้าไม่เปิดล่ะ วกคิดไปถึงการทำบุญตามจิตคุ้นๆที่มักคิดอะไรเป็นสูตรสำเร็จ ใช้สำหรับกลบเกลื่อน และตัดตอน เมื่อมีความกระอักกระอ่วนใจอะไรบางอย่าง
แต่นี่คงไม่มีเหตุผลเพียงพอ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะต้องกลบเกลื่อนหรือตัดตอน
คือ จริงๆแล้วผมก็ต้องเปิด สักครู่
......... ประเดี๋ยวผมก็ต้องเปิด แต่ระหว่างนี้ผมคิดว่าผมคิดอะไรเล่นๆเพลินๆไปพลาง
คิดอะไรเพลินๆนะครับ ไม่ได้คิดอะไร
........
โอ้อับดุล จู พเนจร
เสียงดังฟังพูดพา ปราศรัย ชวนเบียดฝูงชนไป แนบข้าง ล้อมวงอยู่นั่นไง คนเล่น กลนา สรรพคุณอวดอ้าง เสกร่าย มนตร์เรียง
ตลาดยังพลุกพล่าน คนจัง ยังร้องส่งเสียงดัง เพริศแพร้ว ยิ่งดูสิยิ่งดัง ยิ่งร่ำ รำพัน อา..โอมจงคลาดแคล้ว จากพิษ โพยภัย
"หลวงพ่อคูณ"จากวัด บ้านไร่ มีอยู่สิบกว่าใบ เท่านั้น รีบเถิดรีบเร็วไว ช้าหมด อดเลย ไม่เอาสิบ-ร้อย-พัน เอายี่ สิบเดียว
สร้อยทำจากกรอบแว่น เรย์แบนด์ มากำนัลแฟนแฟน ไปใช้ สวมคอฤๅสวมแขน แวววับ จับตา (แต่..จำนำไม่ได้) สิบบาท ขาดตัว
เอ้าจะเปิดงูออก จากลัง โปรดระไวระวัง อย่าใกล้ เอ้าไอ้หนูไปนั่ง ที่เดิม ได้เวย อ้อ..เอาไปหนึ่งใบ เก็บไว้ กับตัว
เด็กดอยคนดี จู พเนจร
รวมบทกวี :เรื่องเล่าระหว่างทางเด็กดอยคนดีเด็กดอยคนดี ไม่หนีแม่กระเตงหลังดูแล หน้าซบแขนจากดอยก้าวลงตรงมาแดน-แว่นแคว้นศิวิไลซ์ในเมืองลืมตามาแป๋วแล้วก็ หลับไปตามลำดับแม่ย่างเยื้องไม่ซื้อไม่หาอย่าขุ่นเคืองบาทเฟื้องแลกค่า มายาการเถอะไม่หลอนไม่หลอก ดอกละสิบเชิญจับหยิบซื้อหา นึกว่าสงสารเถอะโป
คนค้นฝัน จู พเนจร
รวมบทกวี :เรื่องเล่าระหว่างทางคนค้นฝัน"..มีกระดาษ เศษเหล็ก มาขาย.."ร้องรำร่ายดั้นด้นมาค้นฝันไปตามตรอกซอกซอยร้อยเขตคันมุ่นหมอกควัน ฟันฝ่า มาไกลแว่วแว่วไหวไหวได้ยินเสียงส่งสำเนียงต้อยตามมาถามไถ่ว่ามีบ้าง-มีบ้างหรืออย่างไรก่อนจะเลยล่วงไปไม่นานเนามากับรถซาเล้ง--ปุเลงสั่นร้องรำพันกับแดดที่แ
โชคชะตาพยากรณ์ จู พเนจร
รวมบทกวี :เรื่องเล่าระหว่างทางโชคชะตาพยากรณ์โชคชะตาพยากรณ์มาร่อนเร่ย่างโซซัดโซเซ เร่ส่งสารยังถ่องแท้แน่ชัดในวัฏวารอันพบพานแน่แล้วในแก้วตาในแก้วตาฝ้าหมองที่มองโลกในรอยโศกยิ้มซื่อไม่ถือสาค่อยๆ คืบ สืบเท้า ก้าวเข้ามา..แล้วถลา เซซัง มานั่งลงมาไถ่ถาม ความบอก ไม่ยอกย้อนว่าดูก่อน ดูรา อานิสงส
ลับใจ จู พเนจร
เสียงลับมีด กรีดเนื้อ เอื้อให้เห็น ข้อเส้นเอ็น ปูดโปน โยกโยนไหว หมวกลูกเสือ วิสามัญ อันแกว่งไกว มือลูบไล้ คมมีด กรีดใบบาง
ใต้ชายคา คู้ค้อม มิยอมหยุด เหมือนเร่งรุด เร็วรี่ ยอมพลีร่าง โลกรอบราย บ่ายเคลื่อน เลื่อนไปพลาง มีดเรียงวาง คอยท่า มิรารอ ในคมมีด กรีดเนื้อ เมื่อก่อนนั้น คงความฝัน แรกเริ่ม คงเติมต่อ ไม่มีเงิน ไม่มีงาน เนิ่นนานพอ จึงลุกถ่อ สังขาร จากบ้านมา..
มาลิขิต ชีวิต ซึ่งอิดโรย ให้โบกโบย บินไป ในยถา แล้วลับทาง ร้างทิศ อิสรา ให้มายา หมอกม่าน การเกาะกุม ลับเสียความ ผิดหวัง และพลั้งพลาด โอ้อนาถ หัวใจ ของวัยหนุ่ม ลับความทุกข์ รุกเร้า เข้าล้อมรุม ให้ฉ่ำชุ่ม ชื่นเย็น เช่นไมตรี แหละคมคำ ล้ำลึก ซึ่งสึกหรอ ให้สร้างเสริม เติมต่อ ต่อแต่นี้ ลับสนิม เกรอะกรัง ทั้งแรมปี พอให้มี แวบวับ จับคมคาย
เสียงลับมีด กรีดหิน ราสิ้นเสียง
โลกก็เพียง จะรู้รับ กับความหมาย
แล้วออกเดิน เหินย่าง พลางทักทาย
บ้านขวา-ซ้าย มีไหมครับ มาลับคม
"มีความลับ ในหัวใจ บ้างไหมเจ้า เชิญบอกเล่า วันคืน อันขื่นขม..".
จู พเนจร
ชุมทางเสียงทอง จู พเนจร
รวมบทกวี :เรื่องเล่าระหว่างทางชุมทางเสียงทองหัวเช้าเช้า ร้านน้ำชา หันหน้าเรียงนั่งมองเมียง"กรงหัวจุก"ปลุกเช้าตรู่นำมาแขวนเรียงประชันคอยขันกรูนั่งเงี่ยหู เงียบงัน คุยกันไปแดดเช้าเช้า ยังฉาย ระบายเช้าเกิดร่มเงาเย็นสบายใต้ไม้ใหญ่จิบกาแฟแกล้มจะโก๊ยโดยละไมแดดกรุ่นไล้ส่องลอดตลอดเรียงมอเตอร์ไซ