กวี; ถนนมาราธอน
กวี; ถนนมาราธอนบนมรรคาแห่งเรา, ท่านทอดยาวด้วยวิญญาณ งานสร้างสรรค์เปรียบขณะหว่านเพาะ เมล็ดพันธุ์หัวใจ มุ่งมั่น ดั้น ด้น เดินต่างออกวิ่งช่วงชิง ลาน, ลู่ ระหกระเหินท่วงเท้าก้าว ร้าวร้อน โ ทน ผจญเผชิญเพื่อก้าวเกิน ล้ำหน้า โ มาราธอนไหวไหมล่ะ ?ยืนระยะ โดยที่ขาไม่อ่อนลงทรุดนั่ง ระหว่างเขี
กรอบรูปเก่า
กรอบรูปเก่าโข แดดของหนาว เช้าของหมอกมาบอกข่าวกับสายลมและเรื่องราวของความหลังมาบรรยายถึงความรักและความชังจากฟากฝั่งของทะเล ว้าเหว่ใจโข พลิกรูปเก่า เป่าฝุ่นจับ ฉันนับนิ้วอีกหนาวหนอ พรายลมปลิว - ริ้วรอยใหม่หมอกของเช้า หนาวของวัน ผันผ่านไปกรอบรูปเก่าทิ้งเงาไว้ ในทรงจำเงาของเธอฉันเพ้อ
บทกวี : ยอดไกวใบยื่นชื่นฝัน
๑เธอก็ทอดยอดไปไกลที่สุดเธอสมมุติอะไรไว้ไกลแสนมือที่ไขว่ใจที่คว้าค้นหาแดนโลกย์ที่แม้นผองมนุษย์สุดนิยม<br />เธอทำตามใจอยากไม่มากน้อยหากคิดร้อยละชื่นกับขื่นขมแค่ห้าสิบห้าสิบทิพย์นิคมเธอจึงก้มหน้าเดินเหมือนเพลินทาง<br />ตลอดสายรายทางค่อนข้างเงียบความเย็นเ
อากาศธาตุในดวงตาของเธอ
อากาศธาตุในดวงตาของเธอโข ยังรูปรอยเปล่าว่าง เลือนรางนักนิ่งงันราวรูปสลัก จำหลักหินไร้ถ้อยคำ ทำนองใดมิได้ยินสายตาผินมองอื่น - เป็นอื่นไปโข วูบลมหวิวพัดพราย บ่ายแดดเหงาต้นสะเดาทอเงาร่ม เอื้อร่มให้ลมวูบหนึ่งพัดหนาว กรูกราวใบเพียงกวัดไกวไหวสะเดา อยู่เบาบางโข พบเพียงครู่ หดหู่นักจักลาจากห
ท้องฟ้าขังแสงดาว
โพ้นระยิบ แสงระยับ โ เขานับดาวทบทวนภาพเก็บเก่า ผ่าวผ่านผันกลางราตรี ดึกนี้ไม่มีจันทร์ดวงดาวนั้นระยิบพริบ กะพริบพรายนกกลางคืนโผผ่าน แหวกม่านมืดมะพร้าวไหว เอื่อยอืดยืดยาดส่ายหมอกทะเลโบราณ หว่านระบายลมเคลื่อนคลื่น รูปทราย โ สลายรอยนั่นใช่ไหม? โ ว่ายวาดปรารถนาห้วงเวลาแผ่วผ่าน พานถดถอยล
บทกวี วัยวันแห่งรัก
เอ่ยคำพร่ำรักสักนิดก่อนเอื้ออาทรต่อจิตพิสมัยชโลมทิพย์น้ำผึ้งเคล้าคลึงใจสืบรสหวานซ่านในวัยแห่งรักราวโลกสีชมพูดูแช่มชื่นกงวันคืนล้อหมุนกรุ่นประจักษ์ช่อมาลีคลี่บานช่างหวานนักผีเสื้อสวยทายทักตระหนักรสยิ้มก็ยิ้มพริ้มละมุนอบอุ่นแท้โลกก็แลวิไลแจ่มใสสดคำที่ทอดระทวยก็ม้วยมดตาที่หยดก็ละม้ายประกาย
สาลิกาลิ้นทอง
"ระวังงูนะครับ งูเห่า งูเขียว งูจงอาง งูสารพัด ผมเจอมาหมดแล้ว"
เสียงที่ดังมาจากกระโจมผ้าใบทรงกลมคล้ายกระโจมแสดงละครสัตว์ ที่สร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ ด้วยผ้าใบและเสากลางเพียงต้นเดียวกับเชือกที่ผูกโยงเอาไว้โดยรอบ ร้องเรียกความสนใจของผู้เดินชมงานประกวดเรือพระ ที่บริเวณสระบัว ชายหาดสมิหลา
ผมเดินเตร่เข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้คนที่ยืนล้อมรอบกระโจมมีทุกเพศทุกวัย ต่างยืนดูกันอย่างตั้งใจ
"เอาละครับ ผมจะแสดงให้ดูอีกครั้ง แต่ว่างูที่ผมจะแสดงให้ดูนี่ดุมากนะครับ จับตาดูให้ดี"
ชายร่างอ้วนยืนอยู่กลางกระโจม หน้าตายิ้มแย้ม มือหนึ่งถือไมโครโฟน อีกมือถือเหล็กที่มีปลายงอสำหรับจับงู บนพื้นกลางลานมีงูตัวอ้วนนอนนิ่งอยู่ตัวหนึ่ง อีกฟากหนึ่งของลานมีลังไม้วางอยู่
เขาแหย่เหล็กลงไปในลังไม้ที่บอกว่ามีงูตัวใหญ่ แล้วกระชากออกมาอย่างเร็ว
"เอ้า เฮ้ย เอาแล้วไหมล่ะ นี่ขนาดเหล็กนะเนี่ย ยังไม่เว้น ดุจริงๆ เลย" เขาทิ้งเหล็กลงบนลังไม้ แล้วหันไปด้านหลัง
ทรัพย์สิน…ดินดาน… ใครกัน? คือเจ้าของ
"ย่าบอกว่า ถ้าเราใช้จิตใจไปในทางโลภโมโทสันหรือเลวทราม ถ้าเราชอบทำร้ายผู้อื่นอยู่เสมอ และมัวแต่คิดหาผลประโยชน์ทางวัตถุ…จิตวิญญาณของเราจะหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าฮิคกอรี่นัท" (ผมไม่รู้หรอกว่า 'ผลฮิคกอรี่นัท' มีขนาดเล็กสักแค่ไหน?)
"ย่าบอกว่า เรารู้ได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนตาย…เมื่อเขามองผู้หญิง เขาไม่เห็นอะไรนอกจากคิดสกปรก… เมื่อมองต้นไม้ เขาไม่เห็นอะไรนอกจากไม้ซุงและผลกำไร มิใช่ความงาม ย่าบอกว่า พวกนี้แหละคือคนตายที่ยังเดินอยู่ทั่วๆ ไป"
ป่าสุดท้าย
เราจะไม่พูดถึงป่าเขาลำเนาทุ่งที่เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์พืชสัตว์ป่าหรือป่าสงวนแห่งชาติต่างๆที่อนุรักษ์และสงวนเอาไว้ให้บุกรุกแผ้วถางตัดไม้ทำลายป่าได้ตามอัธยาศัยมาแต่ไหนแต่ไรนะครับ แต่จะพูดถึงป่าเล็กๆผืนหนึ่งในห้อมล้อมของเมืองที่กำลังรุกคืบเข้ามา ว่ามันจะยังคงอยู่ได้หรือไม่ นานแค่ไหน อย่างไรณ ป่าแห่งนี
บทกวี : สาส์นรักวาเลนไทน์
"วาเลนไทน์" วันที่ใครใฝ่ฝันให้วันถึง เพียงหวังพบมวลภาพอันซาบซึ้ง และตราตรึงต่อไปให้นานพอ
ใครทั้งหลายว่ายฝันในวันนี้
ทั้งที่ใจไม่มีรักเลยหนอ
ทำเป็นฝันหวั่นไหวเหมือนใครรอ
หรือรอใครสานก่อหลอกล่อใจ
รักแท้จริงมิได้อยู่กับผู้รับ
รักแท้กลับชอบอยู่กับผู้ให้
รักสุภาพนุ่มนวลยวนหทัย
รักมิได้หวือหวาชั่วนาที
รักนั้นแสนบริสุทธิ์มีจุดหมาย
อาจเรียบง่ายแต่ซับซ้อนซ่อนวิถี
รักนั้นแยกจากความใคร่ได้ทันที
เพราะรักมีใจรักเป็นหลักประกัน
เราฝันได้ตามใจปรารถนา
แต่ใช่ว่าจะเป็นไปตามใจฝัน
ด้วยมนุษย์มีคุณธรรมเป็นสำคัญ
เพื่อยืนยันให้เห็นความเป็นคน<!--read more-->